วันที่ 8 มีนาคม 2567 เวลา 15.00 น. นายสุกิจ มีพริ้ง นายอำเภอท่าฉาง พร้อมด้วย พัฒนาการอำเภอ ปลัดอำเภอ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอ พัฒนากรตำบล ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอท่าฉาง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) สมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอท่าฉาง ที่ 19 (อส.) พนักงานดับเพลิงเทศบาลตำบลท่าฉาง นักเรียน นักศึกษา จิตอาสาพระราชทาน และพุทธศาสนิกชน ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข และโครงการถวายการดูแลสุขภาพให้กับพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และผู้นำทางศาสนา 72,000 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ “1 อำเภอ 10 กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ” ณ วัดบ่อมะปริง หมู่ที่ 1 ตำบลท่าฉาง อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบและนำแนวคิดของ 5 ส ซึ่งประกอบไปด้วย สะสาง สะดวก สะอาด สร้างมาตรฐาน และสร้างวินัย ลงสู่บริบทของวัดและชุมชน และหลักความรับผิดชอบต่อสังคม โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมให้วัดและชุมชนเป็นพื้นที่ต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่ทางกายภาพ พื้นที่การเรียนรู้ พื้นที่พัฒนาจิตใจและปัญญา และส่งเสริมให้ชุมชนมีจิตสำนึกและจิตอาสาในการพัฒนาวัดและชุมชนให้เป็นต้นแบบของครัวเรือนและภายในบริเวณวัด คือ “หน้าบ้านน่ามอง ในบ้านน่าอยู่ คนในบ้านน่ารัก ล้อมรักด้วยผักสวนครัว สานพลัง พัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน”
กิจกรรมประกอบด้วย การเดินรณรงค์กำจัดลูกน้ำยุงลาย/ยุงก้นปล่อง ป้องกันโรคไข้เลือดออก/มาลาเรีย การทำความสะอาดบริเวณวัด ฉีดล้าง เก็บขยะ ปรับปรุงภูมิทัศน์ ให้มีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย เหมาะสมต่อการบำเพ็ญกุศล การกำจัดขยะ หนู และแมลงวันป้องกันอาหารเป็นพิษ อุจจาระร่วง กิจกรรมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี
กิจกรรมสร้างพื้นที่ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า ด้วยการควบคุมจำนวนประชากรสุนัขและแมว ในวัด โรงเรียน และที่สาธารณะ จัดทำป้ายแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบถึงการนำสัตว์เลี้ยงมาปล่อยทิ้งไว้ที่วัด โรงเรียน ที่สาธารณะ เข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 23 ที่กำหนดห้ามมิให้เจ้าของสัตว์ปล่อย ละทิ้ง หรือกระทำการใด ๆ ให้สัตว์พ้นจากการดูแลของตนโดยไม่มีเหตุอันสมควร หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท ตามาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
………………………………………………………………………………………………………
